วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วิธี skid fixed gear

วิธี skid Fixed gear
การเข้าใจแรงเสียดทานมีผลมากๆกับการเข้าใจการเบรคของ fixed gear ทำให้เข้าใจว่าจะใช้ท่าไหนในสถานการณ์อะไร ท่าเบรคของ Fixed gear มีหลายท่า เช่น
  1. back pressure
  2. skip stop
  3. skidding (whip skid, mid skid, front skid, seat skid)
Back pressure
back pressure คือการฝืนบันไดให้ปั่นช้าลง คนส่วนใหญ่ที่ปั่น fixed gear ครั้งแรกก็เบรคด้วยวิธีนี้ เนื่องจากบันไดของ fixed gear จะหมุนเร็วขึ้นตามความเร็วของล้อ (และรถ) การขืนให้มันหมุนช้าลงจะทำให้รถค่อยๆช้าลงและหยุดได้ในที่สุด
การหยุดแบบนี้ใช้ระยะเบรคเยอะที่สุด โอกาสที่ล้อจะไถลก็น้อยที่สุดเช่นกัน ทำให้เหมาะกับการเบรคบนถนนลื่น เช่นตอนฝนตก
Skip stop
Skip stop คือการยกล้อหลัง ทำให้ล้อหลังลอยจากพื้น (เพื่อทำให้แรงเสียดทานที่ล้อหมดไปในทันที) แล้วพอรถตกลงมาก็จะเกิดแรงเสียดทานสถิตทำให้รถลดความเร็วลงอย่างรวดเร็ว แล้วเสี้ยววินาทีถัดมาถ้าเราเกร็งขาไว้ไม่มากพอ บันไดก็จะดึงให้รถไปต่อ ถ้าเราเกร็งขาแข็งไว้พอ ล้อจะเริ่มไถลกลายเป็นแรงเสียดทานจลน์ เกร็งขาต่อไปก็จะหยุดรถได้ แต่ใช้ระยะเบรคเยอะเพราะแรงเสียดทานจลน์หยุดรถได้ไม่ดีมาก (ขึ้นกับดอกยางและพื้นถนน) ส่วนใหญ่ก็จะแก้สถานการณ์โดยการยกล้อหลังอีกที
การยกล้อหลังฟังดูยาก แต่จริงๆแล้วคือการกระโดดธรรมดานี่เอง (แต่ต้องไม่เผลอดึงล้อหน้าขึ้นมาด้วยนะ ไม่งั้นจะเป็นกระโดดสองล้อ) เพราะปรกติเท้าเราจะติดกับสายรัดหรือตะกร้ออยู่แล้ว พอเราย่อขาแล้วยืนเร็วๆ (กระโดด) ครึ่งหลังของจักรยานก็จะติดขึ้นมาเอง
Skid stop
การ Skid คือการล็อคขาให้บันไดหยุดทันที ถ้ารถเคลื่อนที่ช้ารถจะหยุดด้วยแรงเสียดทานสถิต ถ้ารถเคลื่อนที่เร็วเกินกว่าแรงเสียดทานสถิตจะเอาอยู่ ล้อหลังจะเริ่มไถลเกิดแรงเสียดทานจลน์ ซึ่งก็หยุดรถได้ แต่จะใช้ระยะเบรคค่อนข้างเยอะ
การ skid มีหลายท่า ทั้ง mid skid, front skid, whip skid, seat skid
  • mid skid — ยืนขึ้นแล้วล็อคขา ให้ล้อหลังไถลจนหยุด ผมรู้สึกว่าอันนี้ง่ายสุด เป็นอันแรกที่ผมทำเป็น
  • front skid — ยืนขึ้นแล้วโน้มตัวไปพิงแฮนด์ การถ่ายน้ำหนักไปด้านหน้าทำให้ล้อหลังไถลได้ง่ายขี้นเพราะแรงที่กดลงล้อน้อย ระยะเบรคจะยาวขึ้น ไม่เหมาะใช้หนีตาย เหมาะใช้เล่นสนุก หรือไถลลงเนินเพราะขี้เกียจปั่น
  • whip skid — คล้าย mid skid แต่สะบัดเอวออกข้าง สำหรับผมมันเกิดขึ้นเองตอนเหนื่อยๆ แล้วทำ mid skid พลาด แต่ทำไปเรื่อยๆก็เริ่มควบคุมให้ล้อหลังไถลออกข้างได้ ดีกว่า mid skid ตรงที่หน้ายางของล้อหลังจะเปิดออก (เพราะท้ายปัด) ทำให้ระยะเบรคสั้นลง แต่กินพื้นที่ด้านข้างเวลาเบรค ไม่เหมาะจะใช้บนถนน เพราะรถที่ตามมาจะคาบเราไปกินได้
  • seat skid — เหมือนจะง่ายมาก แต่ยากมากสำหรับผม เพราะขาไม่แข็งแรงพอ ถ้าไม่มาเร็วจริงๆจะหยุดไม่ได้ บางครั้งขาอาจจะหลุดจากตะกร้อ หรือรองเท้าหลุดเลยก็มี seat skid จะใช้ระยะเบรคน้อยสุดในบรรดาท่า skid ทั้งหลาย เพราะน้ำหนักตัวเรากดอยู่ที่ล้อหลัง อย่างไรก็ตาม ยังไม่เหมาะจะใช้กับถนนลื่นเพราะอาจจะหยุดไม่ทันอยู่ดี
การ skid ถ้าทำเป็นแล้วค่อนข้างสะดวกเพราะเราระเบิดแรงออกมา (ทั้งแขน, ทั้งขา, ทั้งลำตัว) เพื่อ ทำลายแรงเสียดทานสถิตให้กลายเป็นแรงเสียดทานจลน์ หลังจากนั้นจะใช้แรงน้อย เพราะเราอาศัยดอกยางล้อหลังเป็นคนเบรค ถ้า skid บ่อยๆควรเช็คดอกยางล้อหลังทุกๆเดือน และน่าจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน
การ skid อาศัยการไถลของรถ ฉะนั้นยางหลังมีความสำคัญมาก ยางแต่ละเส้นจะให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน ระยะเบรคไม่เท่ากัน เวลาเพิ่งเปลี่ยนยางใหม่ควร skid เล่นๆในที่ปลอดภัยเพื่อทำความคุ้นเคยกับมันก่อน
การทำให้ล้อไถลจะทำได้ง่ายบนถนนลื่น เหมาะจะใช้เล่นสนุก แต่การ skid ไม่เด่นเรื่องความปลอดภัย ไม่ควรใช้หนีตาย ถ้าจะใช้ เราต้องรู้ว่าความเร็วเท่าไหน สถานการณ์แบบไหน ใช้แต่ละท่าจะใช้ระยะเบรคเท่าไหร่ มีรถตามมามั๊ย เรามีพื้นที่ข้างๆให้ไถลไปหรือเปล่า
สรุปแล้ว อย่าไปเร็วกว่าที่เรามั่นใจว่าเราจะคุมรถได้ถ้าเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนขับขี่โดยปลอดภัยฮะ
ขอความเร็วส์จงอยู่แด่ท่าน สวัสดีครับ! ^/\^
มีรูปมาฝาก ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น